วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Plan Planing

วันนี้เรามาพูดเรื่องการวางแผนก่อนไปญี่ปุ่นกันดีกว่า

โดยมากคนที่อยากไปญี่ปุ่น มักจะมี 2 ประเภทหลักๆ เลยคือ
1. ขอแค่เป็นญี่ปุ่น จะไปที่ไหนก็ได้ งานยาก เพราะไม่รู้จะไปที่ไหนนี่แหละ กับ
2. อยากไปโน่น นี่ นั่น บลาๆ อยากไปซะทุกที่ ทุกเมือง ทั้งโตเกียว โอซาก้า เกียวโต ฟูจิ อยากเข้าทั้งดีสนีย์แลนด์ คิตตี้ ยูนิเวอร์แซล ฟูจิคิวไฮแลนด์ ซีไซค์พาร์ค อยากเจอทั้งซากุระ ใบไม้แดง หิมะ อ่า...งานยากมากกกกก!!

ก่อนจะมากำหนดว่าเราจะไปตรงไหนของญี่ปุ่น เรามาเริ่มจากงบประมาณ และจำนวนวันที่เราไปได้กันก่อน


สมมติมีงบ 25,000-30,000 บาท กับจำนวนวัน 5-6 วัน แน่นอนว่าเพื่อความประหยัดงบ เราก็เลือกตั๋วโปร ซึ่งบางครั้งตั๋วโปรก็มักจะไม่มีให้เลือกในช่วงวันหยุดยาว (หรือถ้าเลือกได้ก็ต้องเร็ว) ถ้าหลุดราคาโปรไปก็จะเจอราคาที่แพงขึ้น ทำให้เกินงบ หรือโปรราคาถูกแต่ต้องลางานเพิ่มขึ้น


ดังนั้นถ้างบจำกัด บางครั้งเราก็ต้องยอมตัดอะไรออกไปบ้าง เช่น ไปแค่โซนเดียวในโตเกียวก่อน หรือเลือกแค่ว่าได้ไปเล่นหิมะแต่อาจจะไม่ได้ดูตอนหิมะกำลังตก (เว้นแต่คุณโชคดีได้เจอหิมะตกทั้งๆ ที่ปกติไม่ตก)


ปัจจุบันตั๋วโปรที่ถูกๆ ก็จะมีของนกสกู๊ต ราคาช่วงเทศกาลก็ยังคงถูกกว่าสายการบินอื่นๆ เยอะมากกกกกก แต่คุณต้องเสี่ยงกับการโอเวอร์บุ๊คกิ้ง หรือการขายตั๋วเกินที่นั่ง ซึ่งจากเสียงเล่าลือที่ผ่านๆ มา ไม่มีการออฟเฟอร์ไปสายการบินอื่น นอกจากเลื่อนวันเดินทาง ซึ่งนกสกู๊กบินวันละไฟล์ท ทางแก้ถ้าคุณจองตั๋วช่วงพีคไปแล้วนั่นคือ ไปถึงสนามบินให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้เช็คอินเป็นคนแรก!


แอร์เอเซีย โปรหลังหักออกมาเยอะ ดังนั้นถ้าจองแล้วก็อย่าเปิดดูอีก แต่ปัจจุบันราคาโปรก็ไม่ได้ถูกมากแบบต้องซื้อเท่าไหร่แล้ว 7xxx-10xxx ไม่รวมแอดออนอีก 990 บาท (เลือกที่นั่ง อาหาร กระเป๋า 20 โล) ถ้าซื้อตอนจองตั๋ว


เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะไปแบบโลว์ ก็ต้องเอาให้ราคาโลว์ที่สุด ราคาควรไม่เปิด 8xxx-9xxx บาท รวมกระเป๋า บลาๆๆ แล้ว


ถ้าเกินแหละ แนะนำรอโปรของเวียดนามแอร์ไลน์ หรือฮ่องกงแอร์ไลน์เลย ราคา 2 เจ้านั้ทำมาเริ่มที่ราวๆ 8xxx-10xxx บาท กับฟลูเซอร์วิส อาหาร (รวมของว่างบางเที่ยวบิน) 4 มื้อ กระเป๋า 23-46 กิโลกรัมตามแต่สายการบิน


บางครั้งแค่เปลี่ยนวันราคาก็เปลี่ยนแล้ว ราคาที่ถูกๆ โดยมากจะออกเดินทางวันธรรมดา อังคาร-พฤหัส ดังนั้นต้องดูเรื่องวันลาดีๆ ด้วย

ถ้า Need มันเยอะแยะเต็มไปหมดคงต้องจัดการมันบ้าง เอาออกบ้างบางที่ตามงบที่เรามี แต่ถ้ายังยืนยันอยากไปตามที่ต้องการ ก็รอตั๋วโปรต่อไป ตามให้ดีๆ อย่าให้คลาดสายตา จากเพจที่แชร์เรื่องตั๋วโปรต่างๆ เพื่อให้ได้ตั๋วช่วงพีค ในราคาโลว์ ^^


เมื่อได้ตั๋วในราคาที่ต้องการแล้ว มีวันที่เดินทางแล้ว ก็ค่อยมาขยับว่าจะไปที่ไหน วันไหนบ้าง เปิดแผนที่ค่ะ google map ช่วยท่านได้ พยายามจัดที่ไปในโซนใกล้ๆ กัน เพื่อให้เดินทางไม่ย้อนไปมา (ศึกษาเส้นทางการเดินทางดีๆ อย่าลืมว่ารถไฟในญี่ปุ่น ใยแมงมุมยังเรียกพี่ 555) ศึกษาจาก hyperdia ไว้ด้วย เมื่อเข้าใจลักษณะทางภูมิศาสตร์ ที่ตั้งของสถานที่ต่างๆ แล้ว คุณจะไม่มีคำถามที่ว่า จะไปญี่ปุ่น 5 วัน อยากจะเข้าดีสนีย์แลนด์ และยูนิเวอร์แซลด้วย ได้มั้ยค่ะ (อารมณ์ประหนึ่งเที่ยวกรุงเทพและเชียงใหม่ใน 5 วัน เก็บทุกที่)


ได้ตั๋วเครื่องบินราคาถูก ได้จำนวนวันแล้ว รู้สถานที่คร่าวๆ ที่อยากไปแล้ว จองที่พักสิค่ะ โดยมากโรงแรมในญี่ปุ่นจะเปิดจองล่วงหน้า 6 เดือน จองตามเว็บรับจองโรงแรมต่างๆ ได้เลย เลือกที่ถูกๆ ตามสไตล์เรา ห้องนอนรวม ห้องอาบน้ำใช้รวม



สำหรับที่เที่ยวอื่นๆ ที่ยังคงอยากไป ก็เก็บไว้ค่ะ ครั้งที่ 2, 3, 4, 5 มาแน่นอน เพราะญี่ปุ่นครั้งเดียวไม่เคยพอ ^^

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Japan3 #2

ต่อจากเอนทรี่ที่แล้ว มาถึงนาริตะแล้ว ต้องผ่านตม. ก่อนรับกระเป๋า ป้ายต้อนรับเต็มไปหมดเลย (คนสำคัญสินะ ฮ่าๆ)
 
 

ผ่านตม. รับกระเป๋า ผ่านจนท.ศุลกากรแล้ว มีภารกิจต้องไปที่ชั้น 4 เพื่อไปรับโทรศัพท์ที่เช่าไว้ จากไปรษณีย์ (ตาลีตาเหลือรีบไปรับ เพราะต้องรีบเข้าโตเกียวให้เร็วที่สุดในชีวิต รูปไม่ได้ถ่ายมาเลย) ได้โทรศัพท์มาก็ลงมาที่ชั้น 1 เพื่อซื้อตั๋วรถไฟ Metro 2 Day คนละ 2 ใบ และซื้อตั๋วรถไฟเข้าโตเกียวของ Keisei แต่ครั้งนี้นั่งหรูนะ ปกตินั่งแบบหวานเย็นราคาถูก 1000 เยนถึงอุเอโนะ ครั้งนี้รีบ+พาแม่มาด้วยเลยนั่งแบบ Skyliner ราคาเข้าโตเกียวต่อคนต่อเที่ยว 2400 เยน ไปกลับก็ 4800 เยน แต่เดี๋ยวก่อนซื้อพร้อมตั๋ว Metro คุณจะได้ราคาโปรโมชั่นไปเลย (มีหลายโปรมากเข้าไปดูเองแล้วกัน Keisei Skyliner Promotion) แน่นอนระดับดิชั้นแล้ว ต้องซื้อแบบที่คุ้มที่สุด 4880 เยนได้ตั๋วไป-กลับนาริตะ และตั๋วเมโทร 2 วัน มา 1 ใบ  ตอนจองตั๋วต้องระบุเลยว่าจะนั่งเที่ยวไหน เค้าจะจองทั้งเที่ยวรถและที่นั่งให้เลย

และด้วยความรีบเหลือเวลาไม่ถึง 10 นาทีในการขึ้นรถไฟเข้าอุเอโนะ ทำให้ไม่ได้ถ่ายรูปเคาเตอร์ขายตั๋วมา (เอ่อ..ตอนเค้าทำรายการให้ก็ลืมถ่ายรูปเนอะ โก๊ะจริงๆ) ขึ้นรถได้นาทีนิดๆ รถก็ออกแล้ว หอบกันเลยทีเดียว ลุ้นชิบ = =" ใครอยากดูรูปด้านในรถก็ดูเองที่เว็บของ Keisei Skyliner นะ ฮ่าๆ ตารางเวลาก็ดูที่ในเว็บแหล่ะ มาดูด้านในรถที่จขบ.ถ่ายมาบ้างดีกว่า ที่เก็บกระเป๋าสัมภารก เอ๊ย สัมภาระ

จอบอกรายละเอียดต่างๆ นั่งซะไกลเลยชั้น

มาดูตั๋วรถไฟกันบ้างดีกว่า โฮๆๆ เจาะรูแล้วอ่า  เลิกสนเรื่องที่โดนเจาะมาอ่านรายละเอียดในตั๋วดีกว่า หลังลูกศรคือสถานีปลายทาง (มีภาษาอังกฤษนี่นา งั้นอ่านเอาเองเนอะ ฮ่าๆ) วันที่ 27.9.2011 เวลารถออกจากนาริตะเทอร์มินัล 1 14.59 น. (ออกตรงเวลานะ) ถึงอุเอโนะเวลา 15.44 น. เที่ยวรถที่ 026 ตู้ที่ 06 ที่นั่งที่ 10A (ดูด้านล่างๆ จขบ.ซื้อตั๋วตอน 14.50 น.นะคะ ห้าวมาก มีเวลาในการหอบของ พาแม่วิ่งมาที่รถไม่ถึง 9 นาที)

มาดูเรื่อยเปื่อยในรถต่อดีกว่า ต้องถ่ายมาเยอะๆ หน่อย เพราะคาดว่าจะได้นั่งแค่ครั้งเดียว ครั้งต่อไปคงนั่งแบบราคาถูกแล้วแหล่ะ (ครั้งนี้จ่ายเพื่อแม่ ฮ่าๆ) รถใช้เวลาวิ่ง 44 นาทีถึงอุเอโนะ เร็วกว่ารถไฟหวานเย็นเกือบเท่าตัว เพราะแบบนั้นใช้เวลาประมาณ 85 นาที (แต่แพงกว่าเกินเท่าตัวอะ)

 
 

เห็นโตเกียวสกายทรีลิบๆ แล้ว ใกล้ถึงอุเอโนะแหล่ะ
 
 

พอถึงอุเอโนะแล้ว ต้องเดินจากสถานีรถไฟเคย์เซย์อุเอโนะ ไปสถานีรถไฟ้ใต้ดินเมโทรอุเอโนะ เดินได้ทั้งบนดิน และทางเชื่อมใต้ดินนะ (ข้างบนคนเยอะ รถเยอะ ข้ามถนนอีก ลากเป๋าเดินสบายๆ ที่ทางเชื่อมด้านล่างดีกว่า)

พอถึงสถานีเมโทรอุเอโนะ เราก็ใช้บัตรเมโทร 2 วันได้เลย *ข้อกำหนดในการใช้บัตรเมโทร 2 วันคือ ต้องใช้ 2 วันติดกัน วันที่สองใช้ได้ถึงแค่เที่ยงคืนเท่านั้น*  ไปลงที่สถานีทาวารามาจิ (ถ้าคุณเคยอ่าน Japan1 จะรู้ว่าเราลงสถานีเดียวกัน ถ้ายังไม่เคยอ่าน จะไม่ลองอ่านดูหน่อยเหรอ ทำตาปิ๊งๆ) เข้าที่พักกันดีกว่าบริเวณฟร้อนท์ มีที่จิ๊ดเดียวเอง

เห็นรูปที่พักก็น่าจะรู้เนอะว่าพักที่เดียวกับครั้งแรก ฮ่าๆ พอเช็คอินเสร็จเรียบร้อย ก็รีบไปชินจูกุทันที วิธีไปนะเหรอ Japan1 #3 มีบอกไว้แล้ว (ง่ายๆ จขบ.ขี้เกียจพิมพ์นั่นเอง ฮ่าๆ) ที่รีบไปเพื่อว่าจะซื้อตั๋ว Hakone Free Pass ของ Odakyu เนื่องจากที่ขายตั๋วสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเปิดถึงแค่ 6 โมงเย็น แต่วันรุ่งขึ้นก็จะไปแล้ว เลยต้องรีบ มาดูตั๋วกันดีกว่า เป็นตั๋วสำหรับนั่งรถไฟสาย Odakyu (ตัวสถานีอยู่แถวที่ซื้อแหล่ะ) ไป-กลับ Shijuku >> Hakone-Yumoto และนั่ง Hakone Tozan Train ไปลงที่สถานี Gora แล้วต่อด้วย Hakone Tozan Cablecar ไปลงที่ Sounzan ต่อด้วยกระเช้า Hakone Ropeway ไปลงที่จุดมุ่งหมาย Odawara หลังจากนั้นก็นั่งกระเช้าต่อไปลงที่ Togendai-ko เพื่อนั่งเรือ Hakone Sightseeing Cruise ขึ้นจากเรือก็นั่งรถบัสกลับ Hakone Tozan Bus กลับสถานี Hakone-Yomoto ค่ารถไฟทั้งหมดราคา 5000 เยนต่อคน แต่เดี๋ยวก่อน เรามีโปร เอ๊ยไม่ใช่ ด้วยความที่ฮาโกเน่อยู่ไกลจากโตเกียวมาก ขาไปจะรีบทำเวลา เลยจองตั๋วรถด่วนไป แน่นอนเสียเงินเพิ่มอีกคนละ 870 เยน ใช้เวลาเดินทางด้วยรถด่วนประมาณ 85 นาที (มั้ง) ขนาดด่วนยังนานเลยอะ แต่ถ้าไปบอกเค้าว่ารถด่วนแน่นอนเค้าไม่มีขาย เพราะจริงๆ แล้วเค้ามีชื่อเรียกเฉพาะนั่นคือ Romancecar ต้องระบุที่นั่ง (แบบสกายไลน์เนอร์เลยอะ) หน้าตาตั๋วทั้งหมด จิ้มจิ๊กๆดูรายละเอียดจากเว็บ Odakyu และ Romancecar

เวลาใช้งานให้ใช้เฉพาะใบนี้นะ ใบบนเอาไว้ดูว่านั่งตรงไหนแค่นั้นอะ (ไอ้เราก็นึกว่าขาไปใช้ใบบน ใส่เข้าเครื่องไม่เปิดประตูให้ซะงั้น 555 ฉลาดเนอะ)
 
 
 
 

ซื้อเรียบร้อยก็ออกมาดูวิวชินจูกุยามเย็น ยังไม่หกโมงเลยน้า แสงหายไปไหนแล้วอะ
 
 

ก่อนขึ้นรถกลับขอน้ำหน่อยเถอะ ใกล้ขาดน้ำตายแล้ว ตั้งแต่ลงจากเครื่องก็พูดไม่หยุด (ถามทางทั้งนั้น) เติมน้ำเข้าร่างกายด้วยน้ำแร่คุณภาพจากยอดฟูจิ (เวอร์ซะ แต่ของจริงนะ ฮ่าๆ)

ยังไม่ 6 โมงเย็นก็เริ่มมืดแล้ว กลับที่พักดีกว่า เหมือนว่าในรถตอนมาชินจูกุ อาเฮียอาราชิจะโฆษณาชาเขียวอยู่นี่นา เปลี่ยนเร็วจัง

ระหว่างกลับของแวะวัดเซ็นโซจิหน่อยแล้วกันนะ เดินไปเซ็นโซจิก็เจอแก๊งค์นี้เข้า AKB48 ป้ายอะไรก็ไม่รู้ อ่านไม่ออก ถ่ายรูปมาอย่างเดียวแล้วกัน
 

ร้านนี้น่าเข้ามากๆ แต่ถ้าเข้าไปคงหมดตัวตั้งแต่วันแรกแน่นอน (สรุปจนวันกลับก็ไม่ได้เข้า ฮ่าๆ)

ขณะนี้เวลา 18.xx น. เย้ย 6 โมงนิดๆ เองนะ มืดตื้อเลยอะ ร้านค้าปิดหมด ไม่แน่ใจว่าเค้าปิดเร็ว หรือเพราะช่วงประหยัดพลังงานของคนญี่ปุ่น ยังดีที่ในวัดยังสว่างหน่อย
 
 
 

จากในวัดมองเห็นโตเกียวสกายทรียามเย็น(?) ด้วย เปิดไฟน้อยมาก ถ่ายมามองแทบไม่รู้เรื่องว่าเป็นอะไร

ร้านนี้ขายอะไรไม่รู้ รู้แต่ชื่อร้านคันจิสองตัวนั้น มีหนึ่งตัวเป็นชื่อจีนของจขบ. เห็นแล้วอดไม่ได้ ต้องถ่ายรูปมาซักแชะ ฮ่าๆ

หลังจากนั้นก็ไปรับประทานอาหารเย็นกันเถอะ ข่าวว่าไม่ได้กินมื้อกลางวัน เพราะบนเครื่องแจกขนมปังให้กิน (หิวอะ) ได้ร้านอาหารสุดอร่อยราคาประหยัด และอิ่มท้อง นี่ชามเล็กนะ แล้วชามกลางกับชามใหญ่แหล่ะ เยอะแน่ๆ (ไม่ใช่ไทยที่เพิ่มแต่ขนาดชามนะ ฮ่าๆ) เซ็ตนี้ 390 เยน

ชื่อร้าน อ่านไม่ออก แต่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ใครสนใจถามได้ จะทำแผนที่ให้ ไปง่ายมาก ไม่มีหลงทางแน่นอน

อิ่มแล้วก็กลับห้องนอนเอาแรงดีกว่า วันรุ่งขึ้นจองรถไว้รอบ 7.28 ต้องออกจากที่พัก 6 โมง เผื่อหลงในชินจูกุด้วย ที่นอนสภาพเรียบร้อยเชียว (ก่อนนอนนี่นา)

ดูทีวีก่อนนอนซักหน่อย ฟังไม่ออกแต่อิจฉา ทีวีบ้านเค้าชัดเวอร์อะ อยากให้บ้านเราทีวีชัดๆ แบบนี้บ้างจัง

จบวันแรกจนได้ เอนทรี่นี้เขียนตั้งแต่ 5 โมงเย็น มาเสร็จเอาตอนจะสามทุ่ม (เพราะจขบ.ตั้งใจเขียนมากค่ะ << จริงๆ มั่วแต่เล่นเปิดค้างไว้ต่างหาก อย่ามาทำให้ตัวเองดูดี) เจอกันเอนทรี่หน้ากับฮาโกเน่

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Japan3 #1

ただいま~~~~
กลับมาแล้วจากทริปล่าสุด ญี่ปุ่นรอบที่ 3 คราวนี้ไปกับแม่ ด้วยสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ DL284 ด้วยเครื่อง Airbus A330-300 ออกเดินทางจากประเทศไทย วันที่ 27 กันยายน 2554 เวลา 5:40 น. ถึงนาริตะเวลา 14.20 น.

ออกจากบ้านตั้งแต่ตี 1นิดๆ เพราะฝนตกเลยกลัวว่ารถจะติด กับฝนตกหนักระหว่างทาง ตี 2 นิดๆ ก็ถึงสุวรรณภูมิแล้วอะ เร็วไปมั๊ย ฮ่าๆ เดินเล่นซักหน่อย ดูอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อแลกเงินเพิ่ม ตาเหลือกเลย แพงไปไหนเนี่ย 41.62


เดินไปที่เคาเตอร์ เพื่อเตรียมเช็คอิน ทรงพระเจริญ...

พระบรมสารีริกธาตุ ไหว้ๆ ถ่ายรูปๆ (ดอกไม้สวยถูกใจมากๆ)

ครั้งนี้เดลต้าแอร์ไลน์เปิดให้เช็คอินเร็วมาก ถามเจ้นหน้าที่เค้าว่าคนเยอะ เดี๋ยวเช็คอินไม่ทัน เลยเปิดเร็ว ขั้นตอนเยอะมาก ตอนแรกจะมีเจ้าหน้าที่ถามว่ากระเป๋าไหนถือขึ้นเครื่อง แล้วก็จะเอาสติ๊กเกอร์สีแดงมาแปะที่หูกระเป๋า แล้วก็ให้สติ๊กเกอร์สัญลักษณ์เดลต้าสีน้ำเงินมาแปะที่อกเสื้อด้านขวา (อันนี้ระบุมาเลยนะว่าต้องแบบนี้) แล้วถึงจะต่อแถวรอเช็คอิน โดยเครื่องคีออสกับเคาเตอร์ปกติ

ได้มาแล้วบอร์ดดิ้งพาส เป็นกระดาษแบบกระดาษแฟ็กซ์อะ บางๆ พร้อมจะปลิวตามลม (ใบนี้ของแม่ มีอาหารพิเศษทั้งไปและกลับ)

เช็คอินเรียบร้อย ก็ได้ใบตม.ยาวๆ มาให้กรอก ส่วนหนึ่งเป็นขาเข้า อีกส่วนขาออก ยาวจนพับครึ่งแบบนี้ได้เลย (มีด้านหลังด้วยนะ แต่สำหรับต่างชาติ คนไทยไม่ต้องกรอก)
 

กรอกข้อมูลให้เรียบร้อยทั้งขาเข้า ขาออก เวลากลับเข้าไทยจะได้ไม่ต้องกรอกอีก ไปผ่านด่านตม.กันเถอะ กะว่าตอนเช้าคนเดินทางเยอะ ตม.ต้องแน่นแน่ๆ ที่ไหนได้ โล่งมาก ถามเจ้าหน้าที่ตม. เค้าว่าตอนนี้ยังโล่ง อีกครึ่งชั่วโมงคนจะเต็มแน่นอน (จขบ.ทักทุกคนค่ะ ว่างจัดถ้าคุยได้ก็คุยหมดอะ ฮ่าๆ) ผ่ามตม.มาก็โล่งไม่มีคนเช่นกัน

ยังไม่ตี 4 เลย เดินเล่นเถอะแม่ ไปถ่ายรูปกับไฮไลท์กันเถอะ เดี๋ยวเค้าว่ามาไม่ถึงสุวรรณภูมิ (คนโล่งมาก ช๊อบชอบ)

เดินไปเดินมาจนเบื่อ ดูตารางเวลาดีกว่า นาริตะๆ เดลต้าๆ ประตู F6

เดลต้ายังไม่เปิดให้เข้าไปนั่งเล่น เลยต้องนั่งรออยู่ด้านนอก ลงไปในเกทไม่ได้ เข้าห้องน้ำก็ไม่ได้ เลยไปเข้าห้องน้ำของเกต F2 แทน เจอคอมที่เล่นไม่ได้ด้วย

กลับมานั่งรอนอนรอ เล่มเกมรอชั่วโมงกว่า ก็เปิดให้เข้าแถวตรวจร่างกาย แยกชายหญิง ตบตามตัวว่ามีอะไรแปลกๆ เข้าไปหรือเปล่า ดูกระเป๋าว่าใส่วัตถุอันตรายหรือเปล่า ตรงนี้ไม่มีรูปถ่ายนะ เค้าห้ามถ่าย หลังจากตรวจร่างกายเสร็จแล้ว ก็ตรวจบอร์ดดิ้งพาส รอขึ้นเครื่อง ลำนี้แหล่ะๆ

เดินเข้างวงช้างแล้ว รอมานาน ง่วงก็ง่วง หิวก็หิว จะได้กินและนอนแล้ว

ในเครื่องสภาพโทรมกว่าที่คิดนะเนี่ย 555 เก่ากว่าสายการบินอื่นๆ ที่เคยนั่งเลยแหะ ที่นั่งจัดเป็น 2-3-2

เจอที่นั่งแล้ว ด้านนอกฝนยังตกอยู่เลย จอดข้างหางแดงซะด้วย

แม้ที่นั่งจะดูเก่าๆ แต่ทุกที่นั่งก็มี PTV นะ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมตามสบายเลย

เครื่องเทคออฟได้ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ได้เวลาอาหารแล้ว ของแม่อาหารพิเศษ เป็นอาหารเจ ได้ก่อนใครเลย)

ส่วนของจขบ. ก็ต้องรอต่อไป นั่งดูวิวไปเรื่อยๆ รอแล้วกัน

ดูจากแผนที่บนจอ PTV ออกจากเวียดนามแล้วสินะ

และแล้วก็ได้เวลาหม่ำ いただきますすすすす

อิ่มแล้วกด PTV ดูเล่นซักแปป ไม่เห็นมีอะไรน่าดูเลย เตรียมตัวนอนดีกว่า

กำลังเริ่มเคลิ้มๆ จะหลับ เคบินก็แจกเจ้าสองใบนี้ กรอกข้อมูลก่อนนอนก็ได้งิ แนวตั้งสำหรับผ่านศุลกากร แนวนอนสำหรับตม.

กรอกเสร็จเราก็หลับกันเถอะ ตื่นมาถึงไหนแล้วเนี่ย อ้อ เลยเกาะโอกินาว่ามาแล้วนี่เอง เมฆเยอะจริงๆ

อิชั้นจะเห็นฟูจิยาม่ามั๊ยเนี่ย ฟูจิซังๆๆ

และแล้วก็ได้เวลาของว่าง ลั้นลาๆ กินๆๆ ของแม่ก็มาก่อนอีกแล้ว เห็นแบบนี้ก็ไม่มีเนื้อนะคะ

อันนี้ของเดี๊ยนเองนะเคอะ ชีส แฮม >//<

เนื่องจากเพิ่งตื่น ขอน้ำดื่มเยอะๆ เลยนะ กระหายมากมาย

อิ่มแล้วก็ลุ้นฟูจิซังต่อ เมฆลดปริมาณลงหน่อยสิ อีกไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงนาริตะแล้วน้า

เครื่องบินสวนกัน หายากนะเนี่ย กว่าจะซูมก็บินไปไกลแล้ว เลยได้มาแค่รูปเดียวเอง

เหมือนเมฆจะลดลงแล้ว ตื่นเต้นๆ ฟูจิซังมาหรือยังน้า

ชอบถ่ายปีกเครื่องบินจริงๆ สวยมากเลยน้า

และแล้วก็โอ๊ะ อะไรอยู่ไกลลิบๆ นั่นนะ ฟูจิยาม่าใช่มั๊ย

ต้องซูมๆๆๆ ดี๊ด๊ามาก ฟูจิซัง ฟูจิซัง ฟูจิซัง บันไซ บันไซ บันไซ

แปปเดียวเมฆมาบังแล้ว เร็วไปมั๊ยอ่า....

เมฆเยอะ สลับตลอดเลย เดี๋ยวเห็นเดี๋ยวไม่เห็น แต่แล้วก็กลับมาเห็นจนได้

และแล้วเครื่องลงจอดอย่างเรียบร้อย ถึงแล้วญี่ปุ่น

มากับลำนี้นะคะ ขอบคุณมากที่ให้โดยสารมา ขอบคุณกัปตัน เคบิน ที่บริการอย่างดี (แม้เครื่องจะตกหลุมอากาศเพิ่มความตื่นเต้นให้ผู้โดยสารนิดหน่อยก็เถอะ)

ขอแบ่งที่เหลือไปพาร์ท 2 แล้วกันนะ รูปเยอะเกินไม่พอแล้ว