วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

Exchange!!!

แลกเงินเพื่อเตรียมเดินทางกันเถอะ อาทิตย์หน้า จขบ. ก็จะไปญี่ปุ่นแล้ว แต่ค่าเงินเยนตอนนี้ช่างทรมานจิตใจเสียนี่กระไร จาก 38 ก็พุ่งไปถึง 40 แล้ว แต่จำเป็นต้องใช้ อ่านจากบทความวิเคราะห์เศรษฐกิจแล้ว มีแต่เพิ่มไม่มีลดเลย เอาน้า ไหนๆ ก็ต้องแลก ต้องใช้ ก็แลกๆ ไปเลยแล้วกัน เมื่อวานตอนสายๆ อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 0.4082 (อ้างอิงจากธนาคารกรุงศรี) ช็อคไปเลยทีเดียว โทรถามร้านแลกเงิน ได้ที่ 0.40 ก็ยังดี เข้ากรุงเทพเพื่อแลกเงินก็ได้ (ฟร่ะ) ประหยัดไปพันนึง เลิกงานออกเดินทางเข้ากรุงเทพ จอดรถที่คิวเฮ้าท์เพลินจิต เพื่อเอาโน๊ตบุ๊คเข้าเช็ค (เปลี่ยนจอแล้วกล้องหาย กับจอกระเพื่อมเป็นหยดน้ำ) น้องเอาเข้าศูนย์ฟูจิทสึให้ ส่วนจขบ. รีบนั่งรถไฟฟ้าไปอ่อนนุช ร้านปิดทุ่มนึง โทรเช็คตลอด อย่าเพิ่งปิดน้า ขอแลกก่อน ร้านก็ดีจริงๆ บอกว่าถ้าเลยเวลานิดหน่อยจะรอ ถ้าร้านปิดประตูแล้วให้โทรบอก (แต่ด้วยความสามารถในการขับรถของน้อง แค่ 140 เอง ไปทันค่ะ ถึงร้านอีก 5 นาทีทุ่ม ฮ่าๆๆ)

แลกรีบร้อย เรตลดลงมาหน่อยเหลือ 0.3995 ตามใบรับเงินเลย (เล็กไปหน่อยมั๊ยอ่า)
 

ถ้าท่านทำงานกับเรา ท่านจะได้รับเงินเท่านี้ เท่านี้ และเท่านี้ แต่ถ้าท่านเที่ยวกับเรา โดยเฉพาะการเที่ยวแบบมีวัตถุประสงค์แอบแฝง (ซื้อของมาขายที่บ้าน ดูคอน ซื้อของชอป ซื้อขนม) ท่านจะต้องเตรียมเงินเท่านี้ เท่านี้ และเท่านี้ (เห็นในรูปเหมือนน้อย แต่ตรงนั้นใบละ 1000 บาท 80 ใบเชียวนะ ปีกหนาๆ 1 ปีกเลย)

เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินเยน ไม่คุ้มเลยอ่า 80 ใบได้กลับมาแค่ 25 ใบ + 100 บาทเองอะ

ปิดเอ็นทรี่ด้วยความช้ำใจ ค่าเงินจะแข็งไปไหนค่ะ

Japan2 #7

แฮ่ม...ในที่สุดก็พล่ามมาจนถึงวันสุดท้ายในโตเกียวแล้ว 16 ธันวาคม 2553 เที่ยวบินเราออกตอนเย็น ดังนั้นไม่้องรีบร้อนค่ะ มีเวลาไปชอปปิ้งและนอนตื่นสายกันได้เหลือๆ เนื่องจากเมื่อวานดูคอนเสร็จกว่าจะกลับถึงที่พักก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว ไหนจะตื่นเต้นกับคอน ไหนจะรีวิว ไหนจะเมื่อยและเหนื่อยจากการยืน ดังนั้นเช้านี้หลับกันเพลินอะ ตื่นสายสิค่ะ รีบแทบแย่ เพราะต้องเช็คเอาท์ก่อน 11 โมง (แต่ก็ทันนะ เก็บของกันไว้แล้วบางส่วน อาบน้ำแต่งตัว กินโจ๊ก และเม้าท์ << ช้าเพราะเม้าท์นี่แหล่ะ ฮ่าๆ)

เช็คเอาท์เรียบร้อย ฝากกระเป๋าเดินทางเรียบร้อย ก็ออกไปที่อากิฮาบาระกันเลย (เอ๊ะ หรือเราไปที่อุเอโนะกันก่อนแหล่ะเนี่ย นานแล้วจำไม่ได้ วันนี้หนาวมากรูปก็ไม่ค่อยได้ถ่ายกันซะด้วยสิ ฮ่าๆ) หลังจากที่ซื้อของที่อากิบะแล้ว มื้อเที่ยงก็เลยกินแถวอากิบะเลย ร้านราเมน สั่งเมนูเดิม ราเมนเผ็ดแบบจีน (ชื่อตั้งเอง อ่านไม่ออก) กลับถึงที่พักก่อนบ่าย 3 เพื่อเอากระเป๋าแล้วรีบขึ้นรถไฟไปนาริตะ

รูปแรกที่มีเป็นรูปเบาะนั่งในรถไฟที่จะไปนาริตะ (รูปอื่นแกไม่ถ่ายเนอะ เปิดมาก็เบาะรถแบบไม่ชัดซะงั้น)

ดูบรรยากาศในรถไฟกันบ้าง ถึงตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว และที่สำคัญตอนรถไฟหยุด ประตูเปิดรอที่สถานี ลมแรงมาก พัดเข้ามาในรถไฟแบบไม่ยั้ง แม้ที่เท้าจะมีไอความร้อนออกมาตลอด (ใต้ที่นั่งเป็นฮีทเตอร์ฮับ) แต่อยากบอกว่าโคตรหนาวเลยอะ นั่งสั่นกันทีเดียว

หลังจากที่ทนหนาวจนรถไฟเคลื่อนขบวนต่อ เราก็ถึงนาริตะจนได้ เช็คอินโหลดกระเป๋า ผ่านตม.เรียบร้อย ก็หาซื้อของกิน (จริงๆ จะซื้อตั้งแต่ด้านนอกแล้ว แต่ประชาสัมพันธ์บอกแต่ทางไปร้านอาหารซึ่งค่าอาหารแพงมาก) ผ่านเข้ามาเจอดิวตี้ฟรีก็จัดการซื้อคิตแคทชาเขียว 1 กล่องใหญ่ และวาซาบิอีก 1 กล่องเล็กกลับบ้าน (รูปกล่องใหญ่ลืมถ่ายมาอะ)

หลังจากนั้นก็เดินไปหาเกต โอ้ เจอร้านขายของกินแล้ว จัดการกันให้เต็มที่ เหลือเศษเงินเยนเท่าไหร่ใช้ให้หมด ขนมปัง นม ขนม ของฝาก แล้วก็มารอขึ้นเครื่องเลย บรรยากาศตรงที่รอขึ้นเครื่อง
 
 

หลังจากเรียกขึ้นเครื่องเรียบร้อย ก็เสิร์ฟอาหารกันเลย (อย่าลืมนะคะ เด็กดีห้ามนอนหลับตอนเครื่องเทคออฟ ไม่หลับค่ะแต่เม้าท์ ฮ่าๆ) ด้วยเหตุผลหลังทำให้จขบ. ลืมถ่ายรูปภายในเครื่องมาเลย บอร์ดดิ้งพาสก็ลืมถ่ายไว้เช่นกัน ฮ่าๆ เอาอาหารไปดูเลยเนอะ (ขายผ้าเอาหน้ารอดด้วยของกิน)

และแล้วก็นึกได้ว่าลืมเอาฝาครอบที่เป็นพลาสติกใสออก เอาใหม่อีกรูปแล้วกัน เดี๋ยวจะกินกันไม่ได้ 55

เธอเห็นขนมนั้นมั๊ย เอ๊ย...ไม่ใช่สิ ขนมนั้นนะ รูปพระใช่มั๊ย o.O เราต้องมาซูมดูใกล้ๆ (แล้วก็เก็บใส่กระเป๋ากลับบ้าน เพราะอิ่มแล้ว)

หลังจากเอาเข้าแล้วก็ต้องเอาออก แน่นอนเรื่องปกติของคนทั่วไป แต่จขบ.ไม่พิเรนขนาดถ่ายของเสียหรอกค่ะ (ผิดจรรยาบรรณเด็กดีหมด) แต่เราเอาภาพห้องน้ำในเครื่องบินมาฝาก คิดดูได้เข้าห้องน้ำที่ความสูงหลายหมื่นฟุตเชียวนะ หาไม่ได้ง่ายๆ (เหรอ)  น้องถามว่าแกถ่ายรูปห้องน้ำมาทำไม เค้าอุตสาห์หวังดีนะเนี่ย (ปุ่มฟ้าๆ ข้างชักโครกคือปุ่มกดน้ำนะ หรือเค้าเรียกกันว่าฟลัช มั้งนะ)

มีแก้วน้ำให้ด้วย สำหรับผู้ที่้องการแปรงฟัน คือในห้องน้ำเนี่ย ถ้าเราเข้าคนแรกๆ จะมีแปรงสีฟันเสียบๆ ให้ด้วย ที่รู้เพราะเข้ามานะสิ แต่ไม่กล้าหยิบ คิดว่ากินข้าวเสร็จค่อยมาหยิบ ที่ไหนได้เกลี้ยงเลยอะ ก๊อกล้างมือกับที่กดแชมพู

มาดูอีกด้านบ้างจะมีกระดาษทิชชู่ให้หยิบอยู่ ส่วนตรงช่อง Push คือช่องทิ้งกระดาษทิชชู่ อย่าโยนลงชักโครกนะคะ เดี๋ยวจะตันแล้วฟลัชไม่ได้ คนใช้ต่อเดือดร้อนมากๆ  มีปลั๊กไฟ กับที่กดเรียกพนักงานบนเครื่องบินด้วย (เป็นด็กดีต้องเรียกให้สุภาพค่ะ ฮา)

หลังจากชมภาพห้องน้ำบนเครื่องจนจุใจแล้ว ก็ถึงเวียดนามพอดี แต่มีเรื่องให้ตื่นตาตื่นใจนิดหน่อย นั่นคือ เครื่องเหมือนว่าจะมีปัญหา กัปตันประกาศว่าจะลงที่สนามบินอะไรซักแห่ง แล้วให้เรานั่งรถบัสที่จะมารับต่อไปที่สนามบินที่โฮจิมินห์กัน โอ๊ะ จะได้กลับบ้านมั๊ยอ่า เค้ากลัว (เหรอ แต่ตอนนั้นแกก็ยังเม้าท์กันอยู่เลยนี่นา) พอแลนดิ้งเรียบร้อยก็ให้ผู้โดยสารทุกคนนั่งรออย่างสงบเสงี่ยมเจียมตน แล้วก็มีคนลุกมาเอากระเป๋าที่เก็บไว้บนช่องเก็บสัมภาระด้านบนกันครึกครื้น แต่จนท.ก็ประกาศให้นั่งรอต่อไป เริ่มนั่งนานด้วยความตื่นเต้น จขบ.เลยอยากเข้าห้องน้ำ พอลุกเท่านั้นแหล่ะ จนท.รีบประชิดตัวเลย บอกว่าอย่าลุก อย่าไปไหน ให้นั่งรอ (อ้าวเอางัยเนี่ย ไหนว่าจะให้ลง แต่ก็ไม่ให้ลงซักที เครื่องจอดนิ่งๆ คนจะเข้าห้องน้ำก็ไม่ให้เข้า) แต่เด็กดีงัย เลยต้องนั่งรอพร้อมรัดเข็มขัดให้เรียบร้อยตามสัญญาณเตือน ซักแปป กัปตันก็ประกาศเทคออฟ จขบ.ก็งงสิคะ คุณค้า แปลให้คนไทยฟังรู้เรื่องหน่อยได้มั๊ย สรุปแล้วเอาเป็นว่าเครื่องมีปัญหาขัดข้อง เลยแลนดิ้งก่อนถึงสนามบินปลายทาง เพื่อให้ผดส. เดินทางเข้าโฮจิมินห์ด้วยรถบัส แต่แลนดิ้งเสร็จ ช่างเทคนิคมาเช็ค ก็ไม่มีปัญหาอะไร เลยให้บินต่อได้ เฮ้อ...นั่งอีกชั่วโมงก็ถึงปลายทางจนได้ เฮ้ยห้องน้ำก่อนนนนน

หลังจากถึงโฮจิมินห์ แน่นอน ต้องปลอดภัยสิคะ ไม่งั้นจะมาพล่ามให้อ่านกันได้เหรอ ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนนิดๆ แล้ว สนามบินเล็กๆ แห่งนี้ เราต้องรอเปลี่ยนเครื่องเพื่อกลับไทยตอนเช้าสินะ ก็นั่งรอนอนรอตรงหน้าช่องที่จะเช็คตั๋วสำหรับคนต่อเครื่องนั่นแหล่ะ เจ้าหน้าที่บริการดีมาก ทั้งของสายการบิน สนามบิน และตม. เริ่มจาก จนท.สายการบินถามรายละเอียดก็บอกรอเครื่องกลับ Bangkok เค้าก็ขอดูตั๋ว โอเคยูมากันกี่คน 3 นะ งั้นมานอนตรงนี้ เด็กดีก็เดินตามต้อยๆ นั่งเสร็จกำลังจัดการเอาเสื้อกันหนาวมาทำเป็นหมอน ก็มีรปภ. ของสนามบินมาถามเหมือนเดิม ก็บอกงั้นนอนตรงนี้อย่าไปไหน (จะให้ไปไหนแหล่ะค่ะ หนูง่วงแล้ว) ซักพักล้มตัวลงนอนก็มีตม.มาถามอีก เอ่อ มาพร้อมกันเลยไป๊ ล้มตัวนอน จนท. สายการบินก็เดินเข้ามาถามอีกรอบ (ถามหลายรอบไปเอายาพารามาให้เลยสิ จขบ.ซุ่มค่ะ เตะขาเก้าอี้ตั้งแต่เครื่องออกจากญี่ปุ่นได้แปปเดียว นิ้วก้อยบวมมาก เจ็บมาก ถึงไทยแล้วรู้ว่าเล็บเปิดไปครึ่งหนึ่งด้วย แต่เลือดไม่ออกแหะ ฮ่าๆ)

หลังจากนอนแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะหลับสนิทมาก ไม่ต้องกลัวว่าของจะหายด้วย เพราะมีเจ้าหน้าที่มากกว่า 3 คนดูเรานอน ฮ่าๆๆ ตื่นเพราะเสียงทัวร์จีนเข้า หมายความว่าเที่ยวบินเที่ยวแรกของวันได้มาถึงแล้ว เดินไปล้างหน้าล้างตา แล้วก็เดินผ่านคุณๆ ทั้งหลายที่เฝ้าเรา เพื่อเช็คตั๋วต่อไป เข้าด้านในดิวตี้ฟรีแล้วถึงรู้ว่า ด้านในคนเยอะมาก มากันตอนไหนหว่า มองไม่เห็น หรือเค้าเข้าจากอีกทาง (มีทางเข้าหลายทางอะ) หาอาหารเช้ากินกันก่อน ได้แซนวิชมา 1 ชิ้น และโค้ก 3 กระป๋อง หมดไป 12 USD แต่ถ้าจ่ายเงินไทย จากโค้กกระป๋องละ 2 USD จะกลายเป็น 100 บาททันที โอ้วแม่เจ้า แถมคนขายอย่างดุอะ เลยไปนั่นเล่นนอนเล่นที่เกทเลย (จริงๆ คือเดินเล่นทั่วแล้ว) แทบไม่มีคนมารอขึ้นเครื่องอะ จนได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว ถึงเห็นแถวคณะทัวร์เวียดนามมาเช็คบอร์ดดิ้งพาส สรุปคณะทัวร์แทบจะเหมายกลำ มีบ้านนอกมาขึ้นกัน 3 คน ฮ่าๆ ขึ้นได้แปปเดียวก็เสิร์ฟอาหาร (เอาอาหารมาเชิญชวนอีกแล้ว ฮ่าๆ)

อิ่มกันดีแล้วก็มาดูในเครื่องกันดีกว่า ขากลับไทยเป็นเครื่องเล็กๆ นั่งกัน 3-3 ใช้เวลาบินแค่แปปเดียว ชั่วโมงนิดๆ เอง
 
 

แหมคนจากรูปบนมองกล้องซะเต็มที่เลย ใครก็ไม่รู้ขออภัยด้วยที่ติดรูปมานะคะ แหะแหะ
แล้วเราก็ได้เห็นภาพสนามบินที่ติดอันดับสวยที่สุดแล้ว สุวรรณภูมินั่นเอง

เดินทางเข้าประเทศไทย น้องมารอรับกลับบ้านแล้วอะ มาถึงเร็วจริงๆ ยังต้องผ่านตม. รับกระเป๋ากับผ่านด่านศุลกากรอีกน้า

ปิดท้ายด้วยหน้าตาของบัตร Metro 2 day pass กันดีกว่า มีตั้ง 3 ใบ
 

ตั๋วคอนเสิร์ตมอร์นิ่งมูสุเมะ 3 ใบ 3 รอบ เดี๋ยวจะหาว่าไม่ได้ไปดูจริงๆ (รูปจากหน้าคอนเยอะยังจะกลัวอีกเนอะ)

ของที่ซื้อจากหน้าคอน จากชอป จากที่อื่นๆ

อันนี้จัดคู่ให้พิเศษ เนื่องจาก จขบ.ชอบ 2 คนนี้มาก เป็นโปสเตอร์แบบสุ่มนะ เปิดได้เอง 1 ใบ ซื้อต่อน้องที่ไปด้วย 1 ใบ

ซิงเกิ้ลซูชิ แบบลิมิตร้านซูชิ (ต้นเหตุที่ทำให้ไปกินซูชิที่ Kurasushi แต่ไปไม่ทันช่วงเค้าแจก) ฝากคนรู้จักอ็อคจากเว็บให้ มารู้ที่หลังว่ามี 2 เวอร์ เวอร์นี้เวอร์แรกไม่มีการ์ดริสะ ต้องซื้อเวอร์สอง แต่แผ่นนี้อย่างเดียวก็แพงมากแล้ว ทำให้ไม่มีเงินซื้ออีกแผ่น ริสะ T^T

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

Japan2 #6

วันที่ 15 ธันวาคม 2553 วันที่ทั้งไม่อยากให้มาถึง และอยากให้มาถึง วันนี้ต้องไปดูคอนเสิร์ตรอบสุดท้ายของเอริ จุนจุน หลินหลิน ที่โยโกฮาม่า อารีน่า ออกจากที่พัก อากาศดีแหะหลังจากที่ฝนตกมาสองวัน ก่อนข้ามสะพานลอยขอสักแชะ

เดินขึ้นสะพานลอยแล้ว (บอกแล้วเด็กดีตอนเช้า) ทุกคนขวาหัน ทางขวาของทุกท่ายคือโตเกียวสกายทรีที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง กำหนดแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2011 ซึ่งมีความสูงมากกว่าโตเกียวทาว์นเวอร์ค่ะ (ตอนพิมพ์นี่เค้าสร้างเสร็จแล้ว เพียงแต่ยังไม่เปิดให้ขึ้น ข่าวว่าค่าขึ้นแพงมาก)
 

หันไปทางซ้าย เอ่อ...ตึกอะไรก็ไม่ทราบค่ะ เยอะไปหมด แต่สะพานฟ้าๆ คือสะพานข้ามแม่น้ำสุมิดะ

กลับหลังหันนะคะทุกท่าน เราจะเห็นทางเข้าที่พักของเราทุกคืนในโตเกียวค่ะ ใช่ค่ะ ทางเข้า Asakusa Smile ที่ค่าห้องคืนละ 2200 เยน (หรือ 2000 เยนหว่า) นั่นเองค่ะ เข้าซอยนี้ไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว ที่พักจะอยู่ทางขวามือนะคะทุกท่าน ^ ^

เลย 10 โมงแล้ว แวะชอปที่ชิบูยะด้วยแล้วกัน (เพราะต้องนั่งรถไฟไปโยโกฮาม่าจากชิบูยะ) แวะชอปก็ได้ของมาอีกเพียบสิ ฮ่าๆๆ หลังจากนั้นก็ไปโยโกฮาม่ากัน แต่จะไปที่โยโกฮาม่า อารีน่าต้องไปลงที่สถานีชินโยโก มีการเปลี่ยนรถเล็กน้อย พอไปถึงก็เจอมินิมาร์ท จำไม่ได้ว่าเป็น AMPM หรือเปล่า ฮ่าๆ แต่ที่นี้มีนมกล้วยหอม ซึ่งจขบ.ก็บ้าซื้อมากิน ทั้งๆ ทีอากาศโคตรหนาว กินของเย็นอีก = =" ผลนะเหรอ นั่งสั่นสิค่ะ อิ่มท้องก็เจอร้านหนังสือ โอ๊ะเต่าเต็มร้านเลย (ไม่รู้ในร้านถ่ายรูปได้หรือเปล่า แต่ก็ถ่ายมาแล้วอะ ฮ่าๆ)
 
 

เคลื่อนขบวนได้ จุดหมายต่อไป โยโกฮาม่าอารีน่า (เดินๆ ตามๆ เค้าไปเถอะ เดี๋ยวก็ถึงเอง)

พอขึ้นสะพานมาเรื่อยๆ ก็เจอแบบนี้ เยส จุดหมายปลายทาง

ไปเข้าแถวซื้อของหน้าคอนกันเถอะ เดินผ่านด้านหน้าตรงทางเข้า กรี๊ดเลย โปสเตอร์ใหญ่มาก ขอเป็นที่ระทึกได้มะ

หาแถวต่อๆ (แถวยาวเวอร์อะ วนรอบอารีน่า ครบรอบยังหาไม่เจอเลยว่าต้องซื้อตรงไหน) จากรูปนี่วนจากด้านข้างมาด้านหลังแล้วนะ ยังไม่เจอหัวแถว

และแล้วก็ต่อแถวจนจะถึงเวลาคอนเริ่ม แต่ยังไม่ได้ซื้อของหน้าคอน คุยกับใครก็ไม่รู้เรื่อง เค้าให้ไปยืนรอกันที่หน้าทางเข้า แถมปิดไว้ไม่ให้ออกไปไหนด้วย โอ๊ยงงมาก คนก็เยอะมาก เชิญทัศนาจำนวนคนได้เลย มาจากไหนก็ไม่รู้เพียบอะ (ก็จุคนได้หลักหมื่นนี่นา คนเยอะก็ไม่แปลก)
 
 

ดูคนแล้วดูไฟที่ตึกหน้าทางเข้ากันบ้างดีกว่า ระหว่างยืนเบียดๆ ไฟสวยๆ ช่วยได้จริงๆ

แล้วก็ถึงเวลาเปิดประตู แอบเปิดช้ากว่ากำหนดไปหน่อยด้วยอะ พอให้เข้าถึงได้รู้ว่าคนที่ต่อแถวซื้อของหน้าคอนแล้วโดนกั้นอยู่ในคอกจะได้เข้าก่อน เพื่อไปซื้อของหน้าคอนนั่นเอง กรูเข้าไปเลยสิตอนนี้ เข้าแถวซื้อของหน้าคอนเสร็จแล้ว เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ถึงเข้าด้านใน เข้าไปช้ามาก เพราะน้องๆ สมายเลจที่เล่นเปิดคอนเล่นกันจนจะจบแล้ว = =" และระหว่างนั้นเอง เรื่องไม่คาดฝันก็เกินขึ้น จขบ.หาที่นั่งไม่เจออะ เลยเดินไปหาสตาฟซัง ยื่นตั๋วให้ดู เค้าก็เชิญ เราก็ไม่ไป ไปทางไหนค่าเค้าหลง พยายามส่งภาษาว่าไม่รู้ที่นั่ง จนเค้ารำคาญพาไปที่นั่ง (ยังไงก็ได้ที่นั่งแล้ว ขอบคุณมากค่า) อยากบอกว่าที่นั่งไกลมาก มองไม่เห็น เห็นแต่หัวโอตะ ต้องมองแต่จอด้านบน ไม่ก็เขย่งเท้าตลอดเลย ตำแหน่งที่นั่งอยู่ริมขอบมาก ข้อดีคือตอนที่เดินมารอบๆ อย่างใกล้อะ (ในคอนมีเดิน 2 รอบเอง) แต่ริสะก็เห็นเค้าแล้วกัน ฮ่าๆ มีความสุข

จบคอนทั้งร้องไห้ ทั้งประทับใจ ออกมาเจอโปสเตอร์โชว์อีกแล้ว มีไมโครไฟเบอร์ที่มีข้อความที่แต่ละคนเขียนโชว์อยู่ด้วย
 
 

ตรงผ้าเค้าห้ามถ่าย แต่คนมุงเพียบเราก็เนียนถ่ายออกมา แต่ต้องรีบภาพเลยไม่ชัดเลย ฮ่าๆ แล้วก็รีบเดินทางกลับที่พัก เพราะกลัวตกรถไฟ ตอนนั้นใกล้เที่ยงคืนแล้วด้วย พรุ่งนี้เย็นๆ ต้องกลับไทยแล้ว

ปิดท้ายด้วยสองรูปนี้ รูปแรกไม่ได้แอบถ่ายนะ เค้าให้ถ่าย ส่วนรูปล่างแน่นอน "แอบถ่าย"