วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559

How to booking ticket

การจองตั๋วเครื่องบิน

เราสามารถแบ่งการจองออกเป็น 2 แบบ นั่นคือ
1. จองผ่านสายการบินโดยตรง
2. จองผ่านตัวแทน


(และแบบพิเศษคือ ให้เพื่อนจองให้ 55)

การจองทั้ง 2 แบบก็แยกออกไปได้อีกเป็น

1. การไปจองเองที่เคาเตอร์สายการบิน หรือที่บริษัทตัวแทน เอกสารที่ควรเตรียมไปก็คือพาสปอร์ต เพื่อให้สะกดชื่อได้ถูกต้อง
2. การจองผ่านทางโทรศัพท์ หรืออีเมล์ ซึ่งบางสายการบินจะมีการคิดค่าบริการจองผ่านโทรศัพท์ เข้าใจว่าที่คิดเงินเนื่องจากกว่าจะทำรายการได้ ช้ามาก ต้องคอยมาสะกดชื่อกันอีก ใครชื่อยาวมี h s c t เยอะกว่าต้องมาบอก ซีแคท เอชฮ่องกง เอสสิงคโปร์กันวุ่นวาย เมื่อจองเรียบร้อยก็จะมีเมลส่งมาให้รีเช็คกันอีกครั้ง (หรือตัวแทนบางรายจะให้ส่งเมลติดต่อกันแต่แรกเลย เพื่อจะได้ไม่ต้องสะกดชื่อป้องกันการผิดพลาด)
3. จองผ่านทางเว็บไซต์ ทั้งเว็บของสายการบิน เช่น  การบินไทย ออลนิปปอนแอร์เวย์ เจแปนแอร์ไลน์ สิงคโปร์แอร์ไลน์ คาเธ่ย์แปซิฟิค เวียดนามแอร์ไลน์ แอร์มาเก๊า เดลต้าแอร์ไลน์ แอร์เอเซีย และบลาๆๆๆๆๆ และเว็บของตัวแทน เช่น Expedia Traveloka Cheaptickets H.I.S. Hflight TG191 และบลาๆๆๆ



วันนี้เรามาดูวิธีการจองตั๋วโดยตรงผ่านเว็บไซต์ของสายการบินกันเถอะ (จริงๆ แล้ววิธีการจองแทบไม่ต่างกันเลยในแต่ละสายการบินหรือตัวแทน ที่ทำให้ดูต่างกันคือเว็บเพจ และขั้นตอนต่างๆ อย่าง ANA กรอกชื่อผู้เดินทางก่อนค่อยเลือกที่นั่ง ขณะที่ JAL ให้เลือกที่นั่งก่อน)


เลือกมา 1 สายการบินเป็นตัวอย่างแล้วกันเนอะ ^^

เริ่มจากเข้าไปหน้าเว็บไซต์ของสายการบินนั้นๆ

1. เลือกเมืองต้นทาง คือ BKK (Bangkok) เลือกเมืองปลายทางที่ต้องการเดินทาง ถ้าเราไม่รู้สนามบินก็พิมพ์ชื่อประเทศ หรือเมืองที่ต้องการได้ เช่น พิมพ์ Singapore ก็จะขึ้นมาให้เลือกว่าเราจะไปลงสนามบินที่ไหน หรือถ้าไปโตเกียวจะมี 2 สนามบินให้เลือกคือ สนามบินนาริตะ (NRT) และสนามบินฮาเนดะ (HND) หรือถ้ายังเลอกไม่ได้ก็พิมพ์ว่าโตเกียว (TYO) เลยก็ได้ 
2. เลือกวันที่ต้องการเดินทางไป-กลับ และจำนวนผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ และเด็ก (อายุเด็กขึ้นกับแต่ละสายการบินจะกำหนด) เมื่อเลือกเรียบร้อยก็กดค้นหาได้เลย 


3. เลือกราคาตั๋วที่ต้องการ (บางสายการบินจะเป็นราคาเฉพาะค่าตั๋วเครื่องบิน บางสายจะเป็นราคารวมทั้งหมด) เลือกที่ต้องการและช่วงที่เราไปได้แล้วกดถัดไป

อย่าลืมนะว่าบางวันแม้จะราคาถูก แต่ไม่เอื้ออำนวยกับวันเดินทางของเรา ดังนั้นเลือกที่ใช่ที่สุด เพราะถูกที่สุดก็ไม่ได้หมายความว่าดีที่สุดนะ


4. เมื่อเลือกราคาถูกที่สุดของวันที่เดินทางได้แล้ว เราก็มาเลือกเที่ยวบินในวันนั้น ซึ่งบางครั้งเที่ยวบินที่เวลาเดินทางดี คนจองกันเยอะแล้ว เราอาจจะต้องจ่ายแพงขึ้นเพื่อเวลาที่ต้องการ หรือยอมตัดใจเวลาที่ต้องการ เพื่อประหยัดเงินในกระเป๋า(ระวังบางเที่ยวบินที่นั่งเหลือน้อย จะมีแจ้งมาว่าเหลือให้เลือกกี่ที่งนั่ง โดยมากจะขึ้นเมื่อเหลือน้อยกว่า 6 ที่ันั่ง) เมื่อเลือกได้แล้วก็กดถัดไป

 5. ระบบจะพามายังหน้าที่สรุปราคาทั้งหมด โดยมีบอกแยกว่าเป็นราคาค่าตั๋วเครื่องบินเท่าไหร่ ราคาค่าภาษีสนามบิน ค่าธรรมเนียมน้ำมัน บลาๆๆ รวมทั้งไมล์สะสมที่เราจะได้ถ้าเราจองเที่ยวบินนี้ (ถ้าต้องการไมล์สะสมต้องสมัครสมาชิกเท่านั้น เราสามารถสมัครทีหลังก็ได้) เลือก >> ไม่ได้เป็นสมาชิก (กรณีไม่ได้เป็นสามาชิกสะสมไมล์)


6. กรอกรายละเอียดของผู้เดินทาง ชื่อ นามสกุล ด้วยภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ โดยไม่ต้องกรอกคำนำหน้าชื่อ และต้องตรงกับพาสปอร์ต (ตามตัวอย่างที่ขึ้นโชว์จะเห็นว่าระบบไม่ได้รีเควสว่าต้องใส่คำนำหน้าชื่อ) เลือกเพศ วันเดือนปีเกิด (ค.ศ.) เบอร์โทรศัพท์ และอีเมลที่ใช้ได้จริง



7. ระบบจะขึ้นเตือนว่าไม่สามารถแก้ไขชื่อ นามสกุลได้ ดังนั้นต้องตรวจสอบให้ดีๆ ตรงนี้ระบบจะบอกอีกครั้งว่า มิสเตอร์เดวิด เวลากรอกชื่อ กรอกแค่เดวิด ด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ เมื่อถูกต้องแล้วกดตกลง

8. ขั้นตอนการเลือกที่นั่งและบริการเสริมต่างๆ ชื่อเราตรงนี้จะมีคำนำหน้าชื่อขึ้นให้โดนอัตโนมัติ โดยระบบจะดูจากตอนเราเลือกเพศและอายุ กดเลือกที่นั่ง

9. เลือกที่นั่งที่ต้องการ โดยแถบสีเทาๆ ที่อยู่ข้างที่นั่งแถวที่ 15-17 คือแถบแสดงว่าตรงนี้คือปีกของเครื่องบิน ถ้าเรานั่งก็จะเห็นปีกเครื่องบินตลอดทาง คำแนะนำคือ เลือกมาแถวหลังๆ จะดีกว่า ได้เห็นปีก เห็นเครื่อง (บางรุ่น) เห็นวิว ตรงที่นั่งสีฟ้าๆ คือที่นั่งว่างที่เราเลือกได้ (ที่นั่งสีฟ้าและมีกากบาทสีแดงให้เอาเม้าส์ไปวางค้างไว้จะมีบอกรายละเอียด บางที่นั่งจะเป็นประตูฉุกเฉิน บางที่นั่งไม่มีหน้าต่าง ไม่ควรเลือก) เครื่องบินแต่ละรุ่น และแต่ละสายการบินจะจัดที่นั่งไม่เหมือนกัน เราสามารถดูได้จากตอนเลือกที่นั่ง โดยจะมีตั้งแต่ 3-3, 3-3-3, 3-4-3, 2-4-2 ในรูปโซน 3-3-3 คือโซนของชั้นประหยัด ส่วนโซน 2-3-2 บางครั้งจะเป็นชั้นธุรกิจ หรือชั้นประหยัดพรีเมี่ยม

10. เมื่อเลือกที่นั่ง อาหารพิเศษ (ซีฟู้ดส์ อาหารมังฯ) ก็จะมายังหน้าสรุปรวมราคา เพื่อชำระเงินผ่านบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต(ที่เปิดใช้การซื้อของผ่านอินเตอร์เน็ตแล้วนะ)  อย่าลืมคลิกเลือกเงื่อนไขการชำระเงินด้วยนะ กดซื้อแล้วกรอกรหัส OTP เพื่อชำระเงิน เรียบร้อย รอรับเมลและ e-ticket ได้เลย



12. หน้าตา e-ticket ที่เราได้รับหลังจากซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว พิมพ์ออกมาเก็บไว้เตรียมบินได้เลย ^^



วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

2016 Fireworks in Tokyo

งานเทศกาลดอกไม้ไฟในกรุงโตเกียว ประจำปี 2559
Cr. walkerplus





1. Dai 38 kai Adachi no Hanabi (38回足立の花火)
July 23, 2016 Time 19:30-20:30
Access : 35°45'29.8"N 139°47'44.1"E Near Kitasenju Station (Metro Hibiya line, Chiyoda line, JR Joban line) Arakawa River, Adachi-ku





2. Dai 50 kai Katsushika Noryo Hanabi Taikai (50回葛飾納涼花火大会)
July 26, 2016 Time 19:20-20:30
Access : 35°45'42.6"N 139°52'54.5"E Near Shibamata Station (Keisei Kanamachi line) Shibamata Park, Edo River, Katsushika-ku





3. Dai 39 kai Sumidagawa Hanabi Taikai (39回隅田川花火大会)
July 30, 2016 Time 19:05-20:30
Access : 35°42'53.1"N 139°48'15.4"E Near Asakusa Station (Metro Ginza line, Toei Asakusa line) Sensoji, Sumida-ku




4. Tachikawa Matsuri Kokuei Showa Kinen Koen Hanabi Taikai (立川まつり 国営昭和記念公園花火大会)
July 30, 2016 Time 19:20-20:20
Access : 35.713090, 139.394518 Near Tachikawa Station (JR Chuo line) Showa Kinen Park, Tachikawa-shi




5. Hachioji Hanabi Taikai (八王子花火大会)
July 30, 2016 Time 19:00-20:30
Access : 35°39'06.2"N 139°19'19.0"E Near Yamada Station (Keio-Takao line) Asama Shrine, Hachioji-shi. 




6. Dai 34 kai Koto Hanabi Taikai (34回江東花火大会)
August 1, 2016 Time 19:40-20:30
Access : 35°40'06.7"N 139°50'46.6"E Near Minami-Sunamachi Station (Metro Tozai line) Arakawa River, Koto-ku




7. Dai 32 kai Ichikawa shimin Noryo Hanabi Taikai (32回市川市民納涼花火大会)
August 6, 2016 Time 19:15-20:30
Access : 35°43'07.7"N 139°54'04.9"E Near Ichikawa Station (JR Chuo Sobu line) Edo River, Edogawa-ku




8. Dai 57 kai Itabashi Hanabi Taikai (57回いたばし花火大会)
August 6, 2016 Time 19:00-20:30
Access : 35°47'53.9"N 139°40'23.7"E Near Ukimafunado Station (JR Saikyo line) Arakawa River, Funado Park, Itabashi-ku




9. Exciting Hanabi 2016 Dai 41 kai Edogawaku Hanabi Taikai (エキサイティング花火2016 41 江戸川区花火大会)
August 6, 2016 Time 19:15-20:30
Access : 35°43'06.4"N 139°54'11.8"E Near Shinozaki Station (Toei Shinjuku line) Shinozaki Park, Edogawa-ku




10. Dai 44 kai Akishima Shimin Kujira Matsuri Yume Hanabi (44回昭島市民くじら祭夢花火)
August 6, 2016 Time 20:00-20:30
Access : 35°42'10.7"N 139°23'09.9"E Near Higashi Nakagami Station (JR Omu line) Showa Park, Akishima-shi




11. Dai 39 kai Okutama Noryo Kinen Hanabi Taikai (39回奥多摩納涼記念花火大会)
August 13, 2016 Time 19:45-20:20
Access : 35°48'14.3"N 139°05'51.8"E Near Okutama Station (JR Omu line) Okutama Hikawa Camping Ground, Okutama-cho




12. East Japan Earthquake charity Nikkan Sports newspaper sponsored by 2016 Jingu Gaien fireworks (東日本大震災復興チャリティー 日刊スポーツ新聞主催 2016神宮外苑花火大会)
August 20, 2016 Time 19:30-20:30
Access : 35°40'33.8"N 139°42'58.2"E Near Shinamomachi Station (JR Chuo line), Aoyama Icchome Station (Metro Ginza line, Hanzomon line, Toei Oedo line) Meiji Jingu Gaien, Shinjuku-ku




13. Eiga no machi Chōfu “natsu” hanabi 2016 (映画のまち調布花火2016)
August 21, 2016 Time 18:50-19:50
Access : 35°38'15.2"N 139°32'47.5"E Near Keio-Tamagawa Station (Keio Sagamihara line) Tama River, Chofu-shi



วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Plan Planing

วันนี้เรามาพูดเรื่องการวางแผนก่อนไปญี่ปุ่นกันดีกว่า

โดยมากคนที่อยากไปญี่ปุ่น มักจะมี 2 ประเภทหลักๆ เลยคือ
1. ขอแค่เป็นญี่ปุ่น จะไปที่ไหนก็ได้ งานยาก เพราะไม่รู้จะไปที่ไหนนี่แหละ กับ
2. อยากไปโน่น นี่ นั่น บลาๆ อยากไปซะทุกที่ ทุกเมือง ทั้งโตเกียว โอซาก้า เกียวโต ฟูจิ อยากเข้าทั้งดีสนีย์แลนด์ คิตตี้ ยูนิเวอร์แซล ฟูจิคิวไฮแลนด์ ซีไซค์พาร์ค อยากเจอทั้งซากุระ ใบไม้แดง หิมะ อ่า...งานยากมากกกกก!!

ก่อนจะมากำหนดว่าเราจะไปตรงไหนของญี่ปุ่น เรามาเริ่มจากงบประมาณ และจำนวนวันที่เราไปได้กันก่อน


สมมติมีงบ 25,000-30,000 บาท กับจำนวนวัน 5-6 วัน แน่นอนว่าเพื่อความประหยัดงบ เราก็เลือกตั๋วโปร ซึ่งบางครั้งตั๋วโปรก็มักจะไม่มีให้เลือกในช่วงวันหยุดยาว (หรือถ้าเลือกได้ก็ต้องเร็ว) ถ้าหลุดราคาโปรไปก็จะเจอราคาที่แพงขึ้น ทำให้เกินงบ หรือโปรราคาถูกแต่ต้องลางานเพิ่มขึ้น


ดังนั้นถ้างบจำกัด บางครั้งเราก็ต้องยอมตัดอะไรออกไปบ้าง เช่น ไปแค่โซนเดียวในโตเกียวก่อน หรือเลือกแค่ว่าได้ไปเล่นหิมะแต่อาจจะไม่ได้ดูตอนหิมะกำลังตก (เว้นแต่คุณโชคดีได้เจอหิมะตกทั้งๆ ที่ปกติไม่ตก)


ปัจจุบันตั๋วโปรที่ถูกๆ ก็จะมีของนกสกู๊ต ราคาช่วงเทศกาลก็ยังคงถูกกว่าสายการบินอื่นๆ เยอะมากกกกกก แต่คุณต้องเสี่ยงกับการโอเวอร์บุ๊คกิ้ง หรือการขายตั๋วเกินที่นั่ง ซึ่งจากเสียงเล่าลือที่ผ่านๆ มา ไม่มีการออฟเฟอร์ไปสายการบินอื่น นอกจากเลื่อนวันเดินทาง ซึ่งนกสกู๊กบินวันละไฟล์ท ทางแก้ถ้าคุณจองตั๋วช่วงพีคไปแล้วนั่นคือ ไปถึงสนามบินให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้เช็คอินเป็นคนแรก!


แอร์เอเซีย โปรหลังหักออกมาเยอะ ดังนั้นถ้าจองแล้วก็อย่าเปิดดูอีก แต่ปัจจุบันราคาโปรก็ไม่ได้ถูกมากแบบต้องซื้อเท่าไหร่แล้ว 7xxx-10xxx ไม่รวมแอดออนอีก 990 บาท (เลือกที่นั่ง อาหาร กระเป๋า 20 โล) ถ้าซื้อตอนจองตั๋ว


เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะไปแบบโลว์ ก็ต้องเอาให้ราคาโลว์ที่สุด ราคาควรไม่เปิด 8xxx-9xxx บาท รวมกระเป๋า บลาๆๆ แล้ว


ถ้าเกินแหละ แนะนำรอโปรของเวียดนามแอร์ไลน์ หรือฮ่องกงแอร์ไลน์เลย ราคา 2 เจ้านั้ทำมาเริ่มที่ราวๆ 8xxx-10xxx บาท กับฟลูเซอร์วิส อาหาร (รวมของว่างบางเที่ยวบิน) 4 มื้อ กระเป๋า 23-46 กิโลกรัมตามแต่สายการบิน


บางครั้งแค่เปลี่ยนวันราคาก็เปลี่ยนแล้ว ราคาที่ถูกๆ โดยมากจะออกเดินทางวันธรรมดา อังคาร-พฤหัส ดังนั้นต้องดูเรื่องวันลาดีๆ ด้วย

ถ้า Need มันเยอะแยะเต็มไปหมดคงต้องจัดการมันบ้าง เอาออกบ้างบางที่ตามงบที่เรามี แต่ถ้ายังยืนยันอยากไปตามที่ต้องการ ก็รอตั๋วโปรต่อไป ตามให้ดีๆ อย่าให้คลาดสายตา จากเพจที่แชร์เรื่องตั๋วโปรต่างๆ เพื่อให้ได้ตั๋วช่วงพีค ในราคาโลว์ ^^


เมื่อได้ตั๋วในราคาที่ต้องการแล้ว มีวันที่เดินทางแล้ว ก็ค่อยมาขยับว่าจะไปที่ไหน วันไหนบ้าง เปิดแผนที่ค่ะ google map ช่วยท่านได้ พยายามจัดที่ไปในโซนใกล้ๆ กัน เพื่อให้เดินทางไม่ย้อนไปมา (ศึกษาเส้นทางการเดินทางดีๆ อย่าลืมว่ารถไฟในญี่ปุ่น ใยแมงมุมยังเรียกพี่ 555) ศึกษาจาก hyperdia ไว้ด้วย เมื่อเข้าใจลักษณะทางภูมิศาสตร์ ที่ตั้งของสถานที่ต่างๆ แล้ว คุณจะไม่มีคำถามที่ว่า จะไปญี่ปุ่น 5 วัน อยากจะเข้าดีสนีย์แลนด์ และยูนิเวอร์แซลด้วย ได้มั้ยค่ะ (อารมณ์ประหนึ่งเที่ยวกรุงเทพและเชียงใหม่ใน 5 วัน เก็บทุกที่)


ได้ตั๋วเครื่องบินราคาถูก ได้จำนวนวันแล้ว รู้สถานที่คร่าวๆ ที่อยากไปแล้ว จองที่พักสิค่ะ โดยมากโรงแรมในญี่ปุ่นจะเปิดจองล่วงหน้า 6 เดือน จองตามเว็บรับจองโรงแรมต่างๆ ได้เลย เลือกที่ถูกๆ ตามสไตล์เรา ห้องนอนรวม ห้องอาบน้ำใช้รวม



สำหรับที่เที่ยวอื่นๆ ที่ยังคงอยากไป ก็เก็บไว้ค่ะ ครั้งที่ 2, 3, 4, 5 มาแน่นอน เพราะญี่ปุ่นครั้งเดียวไม่เคยพอ ^^

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Japan3 #2

ต่อจากเอนทรี่ที่แล้ว มาถึงนาริตะแล้ว ต้องผ่านตม. ก่อนรับกระเป๋า ป้ายต้อนรับเต็มไปหมดเลย (คนสำคัญสินะ ฮ่าๆ)
 
 

ผ่านตม. รับกระเป๋า ผ่านจนท.ศุลกากรแล้ว มีภารกิจต้องไปที่ชั้น 4 เพื่อไปรับโทรศัพท์ที่เช่าไว้ จากไปรษณีย์ (ตาลีตาเหลือรีบไปรับ เพราะต้องรีบเข้าโตเกียวให้เร็วที่สุดในชีวิต รูปไม่ได้ถ่ายมาเลย) ได้โทรศัพท์มาก็ลงมาที่ชั้น 1 เพื่อซื้อตั๋วรถไฟ Metro 2 Day คนละ 2 ใบ และซื้อตั๋วรถไฟเข้าโตเกียวของ Keisei แต่ครั้งนี้นั่งหรูนะ ปกตินั่งแบบหวานเย็นราคาถูก 1000 เยนถึงอุเอโนะ ครั้งนี้รีบ+พาแม่มาด้วยเลยนั่งแบบ Skyliner ราคาเข้าโตเกียวต่อคนต่อเที่ยว 2400 เยน ไปกลับก็ 4800 เยน แต่เดี๋ยวก่อนซื้อพร้อมตั๋ว Metro คุณจะได้ราคาโปรโมชั่นไปเลย (มีหลายโปรมากเข้าไปดูเองแล้วกัน Keisei Skyliner Promotion) แน่นอนระดับดิชั้นแล้ว ต้องซื้อแบบที่คุ้มที่สุด 4880 เยนได้ตั๋วไป-กลับนาริตะ และตั๋วเมโทร 2 วัน มา 1 ใบ  ตอนจองตั๋วต้องระบุเลยว่าจะนั่งเที่ยวไหน เค้าจะจองทั้งเที่ยวรถและที่นั่งให้เลย

และด้วยความรีบเหลือเวลาไม่ถึง 10 นาทีในการขึ้นรถไฟเข้าอุเอโนะ ทำให้ไม่ได้ถ่ายรูปเคาเตอร์ขายตั๋วมา (เอ่อ..ตอนเค้าทำรายการให้ก็ลืมถ่ายรูปเนอะ โก๊ะจริงๆ) ขึ้นรถได้นาทีนิดๆ รถก็ออกแล้ว หอบกันเลยทีเดียว ลุ้นชิบ = =" ใครอยากดูรูปด้านในรถก็ดูเองที่เว็บของ Keisei Skyliner นะ ฮ่าๆ ตารางเวลาก็ดูที่ในเว็บแหล่ะ มาดูด้านในรถที่จขบ.ถ่ายมาบ้างดีกว่า ที่เก็บกระเป๋าสัมภารก เอ๊ย สัมภาระ

จอบอกรายละเอียดต่างๆ นั่งซะไกลเลยชั้น

มาดูตั๋วรถไฟกันบ้างดีกว่า โฮๆๆ เจาะรูแล้วอ่า  เลิกสนเรื่องที่โดนเจาะมาอ่านรายละเอียดในตั๋วดีกว่า หลังลูกศรคือสถานีปลายทาง (มีภาษาอังกฤษนี่นา งั้นอ่านเอาเองเนอะ ฮ่าๆ) วันที่ 27.9.2011 เวลารถออกจากนาริตะเทอร์มินัล 1 14.59 น. (ออกตรงเวลานะ) ถึงอุเอโนะเวลา 15.44 น. เที่ยวรถที่ 026 ตู้ที่ 06 ที่นั่งที่ 10A (ดูด้านล่างๆ จขบ.ซื้อตั๋วตอน 14.50 น.นะคะ ห้าวมาก มีเวลาในการหอบของ พาแม่วิ่งมาที่รถไม่ถึง 9 นาที)

มาดูเรื่อยเปื่อยในรถต่อดีกว่า ต้องถ่ายมาเยอะๆ หน่อย เพราะคาดว่าจะได้นั่งแค่ครั้งเดียว ครั้งต่อไปคงนั่งแบบราคาถูกแล้วแหล่ะ (ครั้งนี้จ่ายเพื่อแม่ ฮ่าๆ) รถใช้เวลาวิ่ง 44 นาทีถึงอุเอโนะ เร็วกว่ารถไฟหวานเย็นเกือบเท่าตัว เพราะแบบนั้นใช้เวลาประมาณ 85 นาที (แต่แพงกว่าเกินเท่าตัวอะ)

 
 

เห็นโตเกียวสกายทรีลิบๆ แล้ว ใกล้ถึงอุเอโนะแหล่ะ
 
 

พอถึงอุเอโนะแล้ว ต้องเดินจากสถานีรถไฟเคย์เซย์อุเอโนะ ไปสถานีรถไฟ้ใต้ดินเมโทรอุเอโนะ เดินได้ทั้งบนดิน และทางเชื่อมใต้ดินนะ (ข้างบนคนเยอะ รถเยอะ ข้ามถนนอีก ลากเป๋าเดินสบายๆ ที่ทางเชื่อมด้านล่างดีกว่า)

พอถึงสถานีเมโทรอุเอโนะ เราก็ใช้บัตรเมโทร 2 วันได้เลย *ข้อกำหนดในการใช้บัตรเมโทร 2 วันคือ ต้องใช้ 2 วันติดกัน วันที่สองใช้ได้ถึงแค่เที่ยงคืนเท่านั้น*  ไปลงที่สถานีทาวารามาจิ (ถ้าคุณเคยอ่าน Japan1 จะรู้ว่าเราลงสถานีเดียวกัน ถ้ายังไม่เคยอ่าน จะไม่ลองอ่านดูหน่อยเหรอ ทำตาปิ๊งๆ) เข้าที่พักกันดีกว่าบริเวณฟร้อนท์ มีที่จิ๊ดเดียวเอง

เห็นรูปที่พักก็น่าจะรู้เนอะว่าพักที่เดียวกับครั้งแรก ฮ่าๆ พอเช็คอินเสร็จเรียบร้อย ก็รีบไปชินจูกุทันที วิธีไปนะเหรอ Japan1 #3 มีบอกไว้แล้ว (ง่ายๆ จขบ.ขี้เกียจพิมพ์นั่นเอง ฮ่าๆ) ที่รีบไปเพื่อว่าจะซื้อตั๋ว Hakone Free Pass ของ Odakyu เนื่องจากที่ขายตั๋วสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเปิดถึงแค่ 6 โมงเย็น แต่วันรุ่งขึ้นก็จะไปแล้ว เลยต้องรีบ มาดูตั๋วกันดีกว่า เป็นตั๋วสำหรับนั่งรถไฟสาย Odakyu (ตัวสถานีอยู่แถวที่ซื้อแหล่ะ) ไป-กลับ Shijuku >> Hakone-Yumoto และนั่ง Hakone Tozan Train ไปลงที่สถานี Gora แล้วต่อด้วย Hakone Tozan Cablecar ไปลงที่ Sounzan ต่อด้วยกระเช้า Hakone Ropeway ไปลงที่จุดมุ่งหมาย Odawara หลังจากนั้นก็นั่งกระเช้าต่อไปลงที่ Togendai-ko เพื่อนั่งเรือ Hakone Sightseeing Cruise ขึ้นจากเรือก็นั่งรถบัสกลับ Hakone Tozan Bus กลับสถานี Hakone-Yomoto ค่ารถไฟทั้งหมดราคา 5000 เยนต่อคน แต่เดี๋ยวก่อน เรามีโปร เอ๊ยไม่ใช่ ด้วยความที่ฮาโกเน่อยู่ไกลจากโตเกียวมาก ขาไปจะรีบทำเวลา เลยจองตั๋วรถด่วนไป แน่นอนเสียเงินเพิ่มอีกคนละ 870 เยน ใช้เวลาเดินทางด้วยรถด่วนประมาณ 85 นาที (มั้ง) ขนาดด่วนยังนานเลยอะ แต่ถ้าไปบอกเค้าว่ารถด่วนแน่นอนเค้าไม่มีขาย เพราะจริงๆ แล้วเค้ามีชื่อเรียกเฉพาะนั่นคือ Romancecar ต้องระบุที่นั่ง (แบบสกายไลน์เนอร์เลยอะ) หน้าตาตั๋วทั้งหมด จิ้มจิ๊กๆดูรายละเอียดจากเว็บ Odakyu และ Romancecar

เวลาใช้งานให้ใช้เฉพาะใบนี้นะ ใบบนเอาไว้ดูว่านั่งตรงไหนแค่นั้นอะ (ไอ้เราก็นึกว่าขาไปใช้ใบบน ใส่เข้าเครื่องไม่เปิดประตูให้ซะงั้น 555 ฉลาดเนอะ)
 
 
 
 

ซื้อเรียบร้อยก็ออกมาดูวิวชินจูกุยามเย็น ยังไม่หกโมงเลยน้า แสงหายไปไหนแล้วอะ
 
 

ก่อนขึ้นรถกลับขอน้ำหน่อยเถอะ ใกล้ขาดน้ำตายแล้ว ตั้งแต่ลงจากเครื่องก็พูดไม่หยุด (ถามทางทั้งนั้น) เติมน้ำเข้าร่างกายด้วยน้ำแร่คุณภาพจากยอดฟูจิ (เวอร์ซะ แต่ของจริงนะ ฮ่าๆ)

ยังไม่ 6 โมงเย็นก็เริ่มมืดแล้ว กลับที่พักดีกว่า เหมือนว่าในรถตอนมาชินจูกุ อาเฮียอาราชิจะโฆษณาชาเขียวอยู่นี่นา เปลี่ยนเร็วจัง

ระหว่างกลับของแวะวัดเซ็นโซจิหน่อยแล้วกันนะ เดินไปเซ็นโซจิก็เจอแก๊งค์นี้เข้า AKB48 ป้ายอะไรก็ไม่รู้ อ่านไม่ออก ถ่ายรูปมาอย่างเดียวแล้วกัน
 

ร้านนี้น่าเข้ามากๆ แต่ถ้าเข้าไปคงหมดตัวตั้งแต่วันแรกแน่นอน (สรุปจนวันกลับก็ไม่ได้เข้า ฮ่าๆ)

ขณะนี้เวลา 18.xx น. เย้ย 6 โมงนิดๆ เองนะ มืดตื้อเลยอะ ร้านค้าปิดหมด ไม่แน่ใจว่าเค้าปิดเร็ว หรือเพราะช่วงประหยัดพลังงานของคนญี่ปุ่น ยังดีที่ในวัดยังสว่างหน่อย
 
 
 

จากในวัดมองเห็นโตเกียวสกายทรียามเย็น(?) ด้วย เปิดไฟน้อยมาก ถ่ายมามองแทบไม่รู้เรื่องว่าเป็นอะไร

ร้านนี้ขายอะไรไม่รู้ รู้แต่ชื่อร้านคันจิสองตัวนั้น มีหนึ่งตัวเป็นชื่อจีนของจขบ. เห็นแล้วอดไม่ได้ ต้องถ่ายรูปมาซักแชะ ฮ่าๆ

หลังจากนั้นก็ไปรับประทานอาหารเย็นกันเถอะ ข่าวว่าไม่ได้กินมื้อกลางวัน เพราะบนเครื่องแจกขนมปังให้กิน (หิวอะ) ได้ร้านอาหารสุดอร่อยราคาประหยัด และอิ่มท้อง นี่ชามเล็กนะ แล้วชามกลางกับชามใหญ่แหล่ะ เยอะแน่ๆ (ไม่ใช่ไทยที่เพิ่มแต่ขนาดชามนะ ฮ่าๆ) เซ็ตนี้ 390 เยน

ชื่อร้าน อ่านไม่ออก แต่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ใครสนใจถามได้ จะทำแผนที่ให้ ไปง่ายมาก ไม่มีหลงทางแน่นอน

อิ่มแล้วก็กลับห้องนอนเอาแรงดีกว่า วันรุ่งขึ้นจองรถไว้รอบ 7.28 ต้องออกจากที่พัก 6 โมง เผื่อหลงในชินจูกุด้วย ที่นอนสภาพเรียบร้อยเชียว (ก่อนนอนนี่นา)

ดูทีวีก่อนนอนซักหน่อย ฟังไม่ออกแต่อิจฉา ทีวีบ้านเค้าชัดเวอร์อะ อยากให้บ้านเราทีวีชัดๆ แบบนี้บ้างจัง

จบวันแรกจนได้ เอนทรี่นี้เขียนตั้งแต่ 5 โมงเย็น มาเสร็จเอาตอนจะสามทุ่ม (เพราะจขบ.ตั้งใจเขียนมากค่ะ << จริงๆ มั่วแต่เล่นเปิดค้างไว้ต่างหาก อย่ามาทำให้ตัวเองดูดี) เจอกันเอนทรี่หน้ากับฮาโกเน่